วันศุกร์, มีนาคม 29, 2024
ข่าวเด็ดออนไลน์
ชลบุรีพัทยาสังคมสัตหีบ

หนังคนละม้วน ! ดรามาลูกจ้างร้านขโมยกระดูกหมู เพื่อนพนักงานยันพฤติกรรมสวนทางกับกระแสบนโซเซียล

 เพื่อนพนักงานยันพฤติกรรมสวนทางกับกระแสบนโซเซียล ระบุนายจ้างไม่เคยหวงกินขอเพียงบอกไม่เคยห้าม ย้ำเพียงอย่าขโมย และดูแลพนักงานเหมือนคนในครอบครัว

จากกรณีที่ดรามาบนโลกโซเชึยลเกี่ยวกับลูกจ้างร้านข้าวมันไก่แห่งหนึ่งเดินทางไปเซ็นเอกสารยินยอมที่จะจ่ายเงินค่าปรับกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา หลังถูกเจ้าของร้านแจ้งความจับ ด้วยขโมยน้ำซุปกระดูกหมู และเนื้อไก่จำนวน 2 ถุง กลับบ้าน จนเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ไปต่าง ๆนานาเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น

ล่าสุดวันนี้ (29 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากเพื่อนพนักงานของลูกจ้างที่ขโมยน้ำซุปกระดูกหมู และเนื้อไก่จำนวน 2 ถุง ซึ่งนางลินดา วงษ์เจริญ ผู้จัดการร้านดังกล่าว ซึ่งทำงานกับนายจ้างมานานกว่า 20 ปี เล่าว่า ที่ผ่านมาแม้จะเห็นพฤติกรรมของเพื่อนร่วมงานเกี่ยวกับการนำของออกจากร้าน แต่ทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ด้วยร้านแห่งนี้พนักงานอยู่ด้วยกันแบบครอบครัว และจะมองผ่านทุกครั้งด้วยคิดเพียงว่าใครทำแบบไหนก็ได้แบบนั้นและจะไม่ไปยุ่งเรื่องของใคร ซึ่งพนักงานที่เป็นข่าวดรามานั้นเคยทำหน้าที่หัวหน้ากุ๊กและเป็นคนดูแลสต๊อกสินค้า รวมถึงวัตถุดิบทุกอย่างภายในร้านแทนเจ้าของร้าน ซึ่งเจ้าขงอร้านก็ไว้ใจ ด้วยอยู่กันมานาน ส่วนกระแสข่าวเรื่องของการขโมยของในร้านนั้นมีมาสักระยะหนึ่งแล้ว และเมื่อวันที่พนักงานคนดังกล่าวถูกจับตัวเองก็คิดว่ากรรมทำงานแล้ว

ทั้งนี้วันที่เกิดเหตุการณ์ที่พนักงานคนนั้นนำกระดูกซุปขนาดใหญ่ที่มีเนื้อติดไม่ใช่ตามที่เป็นข่าวว่าเป็นเพียงเศษกระดูกเมื่อช่วงเวลา 10 โมงของวันที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งทุกคนในร้านก็เห็นเหตุการณ์ ที่พนักงานคนนั้นตักกระดูกซุปออกมาใส่ชาม ตอนแรกคิดว่าจะทานเองที่ร้านแต่พอมาเห็นเป็นข่าวเลยพูดคุยกับพนักงานที่ร้านว่าเขาไม่ได้กินที่ร้านหรืออย่างไร ซึ่งที่ผ่านมาที่ร้านประสบเหตุการณ์ทั้งสิ่งของและวัตถุดิบหายไปมาอย่างต่อเนื่อง จนเจ้าของร้านได้เรียกพนักงานประชุม  พร้อมแจ้งให้พนักงานทราบว่าขออย่าขโมยของออกจากร้าน ซึ่งเป็นเหมือนการเตือนพนักงานที่กระทำผิดด้วยไม่อยากให้ใครตกงาน จึงได้มีการออกกฎหากพบใครขโมยของออกจากร้านจะมีโทษปรับ โดยในวันเกิดเหตุก็มีการตรวจค้นพนักงานทุกคนจนไปเจอของกลางที่พนักงานคนนั้นเพียงคนเดียว

นางลินดา เล่าต่ออีกว่า ตัวเองทำงานร่วมกับนายจ้างมานานกว่า 20 ปี หากนายจ้างไม่ดีจริงคงไม่อยู่มาจนถึงทุกวันนี้ ทางร้านดูแลลูกจ้างเหมือนคนในครอบครัวมีปัญหาอะไรก็จะคอยช่วยเหลือแม้แต่เรื่องความเดือดร้อนส่วนตัวก็ยังหยิบยื่นความช่วยเหลือมาให้ แม้แต่ญาติพี่น้องเสียชีวิตพอทราบข่าวก็จะมอบเงินช่วยเหลือ ซึ่งทำแบบนี้ให้กับพนักงานทุกคน ทั้งนี้ที่ร้านมีอาหารเลี้ยงพนักงานครบ 3 มื้อ ส่วนเรื่องอาหารการกินไม่เคยหวงพนักงานให้กินเต็มอิ่ม เพียงขออย่างเดียวอย่าขโมยของกลับบ้านโดยไม่แจ้ง อยากได้อะไรขอเพียงบอกเจ้าของร้านไม่เคยหวงไม่ว่าจะเป้นของชิ้นเล็กชิ้นใหญ่ แม้กระทั้งโควิด-19 ระบาด พนักงานยังได้รับเงินเดือนเต็มทุกเดือนไม่มีหัก ปัจจุบันพนักงานแคชเชียร์ไม่มีคนเลี้ยงลูกเจ้าของร้านก็ยังให้มาเลี้ยงลูกที่ทำงานด้วย ก็ไม่รู้ว่าทำไมสิ่งที่เป็นข่าวมันสวนทางกลับความเป็นจริง เพราะการทำงานที่นี่เน้นการอยู่แบบครอบครัว เจ้าของร้านดูแลพนักงานเหมือนญาติ สุดท้ายอยากให้สังคมมองความจริงว่าคนที่ไปจากร้านเป็นคนแบบไหน

ขณะนี้ นางอำพันธ์ มณีรัตน์ พนักงานร้านดังกล่าว ที่ทำงานมาแล้ว 4 ปี เล่าว่า เพื่อนร่วมงานคนดังกล่าวที่เป็นข่าวออกมาโจมตีร้านนั้น จากที่เคยร่วมงานกันเป็นคนที่ไม่มีน้ำใจกับใครเลย และเป็นคนที่ไม่สนิทกับใครเลยภายในร้าน เป็นคนไม่มีน้ำใจ และนิสัยก็ไม่เหมือนตามที่เป็นข่าวที่บอกว่าขยันทำงานมานั้น ซึ่งไม่ตรงกับความเป็นจริงเลย ส่วนเจ้าของร้านตั้งแต่ร่วมงานมายังไม่เคยเห็นที่ทำไม่ดีกับพนักงานเลยแม้ตัวเองป่วยเป็นมะเร็ง ต้องผ่าตัดให้เลือด เจ้าของร้านก็ระดมจัดหาเลือดให้คนรู้จักบริจาคเลือดให้ ตอนนอนพักรักษาตัวยังจ่ายเงินเดือนเต็มแบบไม่หักเงินแม้แต่บาทเดียว อีกทั้งช่วงโควิดระบาดก็ไม่ลดเงินเดือนพนักงาน พนักงานมีปัญหาก็พร้อมให้คำปรึกษาโดยตลอด แม้กระทั้งพนักงานคนดังกล่าวที่บอกเจ้าของร้านไม่ดูแล เมื่อช่วงติดโควิด-19 เจ้าของร้านก็มีการดูแลหายา หาอุปกรณ์เกี่ยวกับการป้องกันโควิดมาให้รักษา ส่งอาหารและยาบำรุงจนหาย ทำเหมือนคนในครอบครัวไม่เคยทอดทิ้ง

แต่เมื่อขโมยของที่ร้านออกไปแล้วมาบอกเจ้าของร้านไม่ดีอยากให้สังคมแยกแยะ ระหว่างความดีกับการกระทำผิด อยากให้คนนอกที่ไม่รู้วอนให้หยุดสร้างความเสียงหายให้กับร้านจากสิ่งที่ไม่เป็นความจริง และเสียใจกับพนักงานคนดังกล่าวที่มาใส่ร้ายร้าน หากอยากทราบความจริงว่าเป็นแบบไหนให้มาถามพนักงานที่ร้านทุกคนพร้อมให้คำตอบที่เป็นจริง ซึ่งทางสังคมโซเชียลหากอยากจะออกความคิดเห็นก็ขอให้เป็นกลางและอยู่บนพื้นฐานความจริง พนักงานที่ทำงานที่ร้านแห่งนี้มีแต่คนจน ๆทุกคน หากเจ้าของไม่ดีจริงพนักงานที่ทำกันมาหลายสิบปีคงจะไม่อยู่มาจนถึงทุกวันนี้ เปรียบกับตัวเองที่อายุมากแล้วทางหากไปสมัครงานที่ไหนก็คงไม่มีใครรับ ซึ่งที่ผ่านมาก็ไปสมัครงานหลายที่ก็ไม่มีคนรับด้วยอายุที่มากร่างกายและสุขภาพที่ไม่แข็งแรง แต่ร้านนี้รับมาทำงานทำให้มีรายได้ไปดูแลครอบครัวอีกหลายชีวิต อยากวอนสังคมให้หยุดโจมตีร้านและเป็นกลางกับสิ่งที่เกิดขึ้นที่ผ่านมาที่ร้านไม่มีปัญหาอะไร พึ่งจะมามีปัญหาด้วยพนักงานสร้างปัญหาให้กับทางร้าน…..